บทที่ 03 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม

ฟังบทนั้น

ในโลกของศาสนาอิสลาม จะไม่ค่อยได้พบเห็น “บ้านพักคนชรา” การดูแลบิดามารดาของเราในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิตของพวกท่านเช่นนี้ถือว่าเป็นเกียรติและเป็นคุณงามความดี อีกทั้งยังถือเป็นโอกาสในการพัฒนาจิตใจที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย ในศาสนาอิสลาม ถือว่ายังไม่เป็นการเพียงพอที่พวกเราเพียงแต่สวดมนต์ภาวนาให้กับบิดามารดาของพวกเรา แต่พวกเราควรจะปฏิบัติด้วยความโอบอ้อมอารีอย่างไร้ที่สิ้นสุด จำไว้ว่าเมื่อตอนที่พวกเรายังเป็นเด็กเล็กช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พวกเขาเลี้ยงดูพวกเราด้วยตัวของท่านเอง มารดาเป็นผู้ที่สมควรได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่ง เมื่อบิดามารดาชาวมุสลิมแก่ชราลงท่านจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างทนุถนอมด้วยความเมตตาและความไม่เห็นแก่ตัว.

ในศาสนาอิสลาม การเลี้ยงดูบิดามารดาถือเป็นหน้าที่อันดับที่สองรองจากการทำละหมาด และถือเป็นสิทธิของบิดามาดาที่จะคาดหวังว่าจะได้รับการดูแล ถือกันว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเดียจฉันท์ในการแสดงความฉุนเฉียวใดๆ เมื่อผู้เฒ่าชราเริ่มทำอะไรลำบาก

พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า:

และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้นและจงทำดีต่อบิดามารดาเมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสอง ซึ่งการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตา และจงกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของฉัน ทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อเยาว์วัย.”

(พระคัมภีร์กุรอาน, 17:23-24)